บทความท่องเที่ยว

ลาดักห์ ทิเบตน้อย...สวรรค์ของนักเดินทาง

ลาดักห์ ทิเบตน้อย...สวรรค์ของนักเดินทาง

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศอินเดีย ก็คงต้องนึกถึง "ทัชมาฮาล" หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเริ่มมองหาแหล่งท่องเที่ยว
ที่ยังมีนักท่องเที่ยวไปเยือนไม่มากนัก และเหมาะแก่การผจญภัย คงจะต้องนึกถึงลาดักห์(Ladakh) ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว
มาเยือนแคว้นที่อยู่เหนือสุดของประเทศอินเดียอย่างลาดักห์มากขึ้น ภาพถ่ายและประสบการณ์บอกเล่าผ่านการรีวิวตามเพจต่าง ๆ
ที่มีมากมาย ทำให้นักเดินทางและนักท่องเที่ยวอยากไปเยือนให้เห็นกับตาสักครั้งหนึ่ง...

"ทาบี ทาบิ มีโอกาสได้ไปเยือนลาดักห์ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของที่นี่ และยืนยันได้ว่า "ลาดักห์"
เป็นอีกหนึ่ง Dreamlist ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ"
 

“Julley” จูเล่ (คำทักทายของชาวลาดักห์)

ลาดักห์ Ladakh ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยจากทั่วโลก รวมถึงคนไทย 
เป็นที่ที่หลายคนการันตีว่า ควรไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต ลาดักห์ตั้งอยู่ในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ Jammu & Kashmir (J&K)
ซึ่งเป็นแคว้นที่อยู่เหนือสุดของประเทศอินเดีย ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง ไม่ต่ำกว่า 3,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงรอบด้านอย่างหิมาลัย คาราโครัม และเทือกเขาขนาดเล็กอื่นๆ

ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิติดลบ ราว-20 ถึง-30 องศาเซลเซียส 
ฤดูหนาวที่นี่จะกินเวลายาวนาน มีหิมะตกหนัก ทะเลสาบและลำธารกลายเป็นน้ำแข็ง ถนนสายหลักปิด ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดทำการ 
ช่วงนี้จึงไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว 

ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิ -15 ถึง 16 องศาเซลเซียส
ดอกไม้ต่างๆผลิบาน เช่น ดอกเชอรี่บอสซั่ม สภาพอากาศไม่ค่อยแน่นอน หิมะยังมีตกอยู่  

ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เป็นช่วงที่นิยมท่องเที่ยวมากที่สุด อุณหภูมิ 7 ถึง 25 องศาเซลเซียส 
อากาศอุ่นขึ้น แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศก็ยังถือว่าหนาวเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวดูหนาตา เป็นช่วง
ที่เหมาะกับการทำกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างขับมอเตอร์ไซด์ ขี่จักรยาน, ปีนเขา, ล่องแก่ง,ตั้งแค้มป์ ฯลฯ เส้นทางต่างๆ เปิด
และสามารถเข้าเลห์ได้จากเส้นทางศรีนาการ์-เลห์ และเส้นทางมะนาลี-เลห์ ซึ่งตลอดเส้นทางนั้นมีความสวยงามมาก 
ช่วงนี้จะพบทุ่งมาสตาร์ด ทุ่งข้าวบาร์เลย์ ตามเส้นทาง ร้านค้ากลับมาเปิดให้บริการเต็มที่

ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม  อุณหภูมิ -1 ถึง 21 องศาเซลเซียส เป็นฤดูที่ใบไม้ต่างๆเริ่มเป็นสี
แดง ส้ม เหลือง ตัดกับท้องฟ้า เริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ร้านค้าเริ่มทยอยปิด นักท่องเที่ยวบางตา 


เดินทางสู่ เลห์ ลาดักห์

จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงที่สนามบินอินทิราคานที กรุงนิวเดลี และต่อเครื่องไปยังสนามบินเลห์ Kushok Bakula Rinpoche 

   

Indira Gandhi International Airport           ห้องน้ำในสนามบิน Indira Gandhi 


Kushok Bakula Rinpoche Airport, Leh


สนามบินเลห์ค่อนข้างเล็ก มีรันเวย์เดียว แต่เป็นสนามบินที่มีวิวสวยงามมาก รายล้อมไปด้วยแนวเทือกเขาหิมาลัย

      เมื่อเดินทางถึงเลห์ เมืองหลวงของลาดักห์ และนั่งรถจากสนามบินเพื่อเข้าเช็คอินที่พักแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ...การนอนหลับ
พักผ่อน เนื่องจากลาดักห์เป็นเมืองที่อยู่บนที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร อากาศเบาบาง ออกซิเจนน้อย
ทำให้หายใจลำบาก และเหนื่อยง่าย จึงควรพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพให้คุ้นชิน

      ในบางคนอาจจะมีภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวในภาวะที่มีออกซิเจนน้อยได้ เป็นโรค High altitude sickness อาการที่พบ
ของโรคนี้ เช่นความอ่อนล้า เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และเหนื่อยง่าย จึงต้องระวังและเตรียมรับมือกับสภาพอากาศเป็นอย่างดี
ยาที่ใช้ป้องกันโรคนี้คือ Diamox หรือชื่อสามัญคือ Acetazolamide เป็นยาที่ไม่ได้มีใช้ทั่วไป สามารถใช้ป้องกันรวมถึงรักษาภาวะ
Acute mountain sickness ได้ แต่จะต้องปรึกษาแพทย์เรื่องขนาดยา และวิธีการทานยา เนื่องจากยาอาจมีผลข้างเคียงบางประการ
เช่น ลิ้นจะรับรสผิดปกติไป - ปัสสาวะบ่อยขึ้น - รู้สึกชาๆ ตามร่างกายในบางคน และห้ามใช้สำหรับคนที่แพ้ยา Sulfa 

ข้อแนะนำ -ควรดื่มน้ำสะอาดให้มาก  -ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์  -ห้ามวิ่งหรือรีบเร่ง เพราะเนื่องจากเราอยู่ในพื้นที่ระดับสูง
อากาศเบาบาง ออกซิเจนน้อย 
(สามารถหาซื้อออกซิเจนกระป๋องแบบพกพา เพื่อช่วยให้หายใจสะดกวกขึ้น)

       เมื่อพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ สามารถไปเที่ยวในเมืองเลห์ หรือสถานที่ใกล้ๆก่อน เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน แนะนำให้
ออกไปเดินเล่นที่ตลาด Main Bazaar เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่ ซึ่งอยู่กันหลากหลายเชื้อชาติศาสนา ดังจะเห็นได้จาก
วัด มัสยิด และโบสถ์ต่างๆรอบๆเมือง หรือเริ่มจากการเที่ยวรอบๆ ตัวเมืองเลห์ อาทิ เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa), 
พระราชวังเลห์ (Leh Palace), วัดนัมเกล เซโม (Namgyal Tsemo Gompa) ฯลฯ


Himalayan View From Hotel 


เดินเล่นที่ตลาด Main Bazaar

Main Bazaar เป็นแหล่งนัดพบและแหล่งขายสินค้าต่างๆมากมาย อาทิ ร้านอาหาร, ร้านขนม, ร้านขายผักผลไม้, ร้านขายยา,
ร้าน Himalaya, ร้านขายเสื้อผ้า, ผ้าคลุมพัชมีน่า+แคชเมียร์, ร้านขายเครื่องประดับ, ร้านขายของที่ระลึก,  บริษัททัวร์,
ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ ในช่วงเย็นๆจะคึกคักมากเป็นพิเศษ ผู้คนต่างมาเดินจับจ่ายสินค้า บ้างก็นั่งชิลล์ พบปะ สังสรรค์
พูดคุยกัน บรรยากาศเย็นสบาย


Masjid Jama, Leh Main Bazaar


  
Leh Main Bazaar


 
Leh Main Bazaar


  
Leh Main Bazaar



ศิลปะการเพ้นท์เฮนน่า  Leh Main Bazaar


เที่ยวรอบเลห์ / Around Leh

เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น และมีการทำพิธีเปิดโดยองค์ดาไลลามะ
เมื่อปี ค.ศ.1985 เจดีย์สีขาวทรงโดมตั้งอยู่บนเนินเขา ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร Shanti Stupa เป็นจุดชมวิว
ที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ 360องศา และจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่งดงาม 

เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa)


พระราชวังเลห์ (Leh Palace)

เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ สูง 9 ชั้นถูกสร้างในปี ค.ศ.1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียง
กับพระราชวังโปตาลาในทิเบต  พระราชวังเลห์ อดีตเคยเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดักห์
เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม

  
พระราชวังเลห์ (Leh Palace)


 
View From Leh Palace 


วัดนัมเกล เซโม (Namgyal Tsemo Gompa)

ตั้งอยู่บนเทือกเขา สร้างหลังประกาศชัยชนะของทิเบตโบราณในปี ค.ศ.1430 โดยกษัตริย์ เซงเก นัมเยล ( Sangge Namgyal ) 
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปแบบมหายาน มีความสูงราวอาคาร 3 ชั้น

 
Namgyal Tsemo Gompa 


เส้นทางสู่ ทะเลสาบแปงกอง Pangong Lake ทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก

ระหว่างทาง จะพบกับวิวที่สวยงามตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นวัดสไตล์ทิเบต ภูเขาน้อยใหญ่สลับสับหว่างกันอย่างสวยงาม ลำธารเล็กๆ
ต้นไม้ท่ามกลางหุบเขา เมื่อไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จะพบกับภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ตามทางจะพบฝูงสัตว์ต่างๆ เช่น ฝูงจามรี ฝูงม้า
ฝูงแพะ ฝูงแกะ นอกจากนี้ยังสามารถพบ ฝูงมาร์มอต ได้อีกด้วย


Thiksey Monastery 



เส้นทางสู่ Pangong Lake



Takthok Monastery 



Pangong Lake Road


 
Pangong Lake Road


  

Pangong Lake Road


  
Pangong Lake Road


Himalayan Marmots 

ระหว่างทางจะได้เจอ มาร์มอต หรือ เป็นกระรอกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เป็นภูเขา ทิวเขา มาร์มอตมักจะอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดิน
และจำศีลในฤดูหนาว  มาร์มอต เป็นสัตว์กินพืช เช่น หญ้า ลูกไม้ เห็ด รา สาหร่าย ผลไม้ มอส รากไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆ
แต่เห็นน่ารักๆแบบนี้ อย่าเข้าไปใกล้เขามากนะคะ เพราะเจ้ามาร์มอตเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแพร่เชื้อโรคร้ายอันก่อให้เกิดกาฬโรค
สู่มนุษย์ได้ เมื่อเจอก็ควรจะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ และไม่ควรให้อาหารโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้มาร์มอตมีพฤติกรรมการหาอาหาร
เปลี่ยนไปได้ และยังเป็นการทำลายระบบนิเวศน์อีกด้วย


Himalayan Marmots


เส้นทาง Chang La Pass  

เส้นทาง Changla Pass เส้นทางที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก สูง 5,360 เมตรจากระดับน้ำทะเล

 
Chang La Pass


ทะเลสาบแปงกอง Pangong Lake

ทะเลสาบแปงกอง Pangong Lake  เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก ระดับความสูง 4,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล 
ทะเลสาบเป็นสีเทอร์ควอยซ์ยาวพาดผ่านระหว่างประเทศอินเดียและเขตการปกครองตนเองทิเบต มีความกว้างแคบสุด 5 กม.
มีพื้นที่รวม 604 ตร.กม. จะต้องมีการทำ Permit ในการเข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายแดน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง
ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาพของถนน โดยผ่านเส้นทาง Changla Pass ซึ่งเป็นเส้นทางที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก 
สูงถึง 5,360 เมตรจากระดับน้ำทะเล (ซึ่งบริเวณนี้ไม่ควรจะอยู่นานเนื่องจากเป็นที่สูง อาจจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื้นไส้ได้) 

(เราสามารถพักค้างคืน ที่ทะเลสาบได้ โดยจะมีกระโจมริมทะเลสาบให้บริการ เพื่อสัมพัสความหนาวเย็นริมทะเลสาบ
ในตอนกลางคืนสามารถเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า และตื่นขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลสาบที่งดงามเกินบรรยาย)

  
Pangong Lake



Pangong Lake


 
Pangong Lake



Pangong Lake


  
Pangong Lake


เส้นทางสู่ นูบร้าวัลเลย์ Nubra Valley

วิวทิวทัศน์ตลอดสองข้างทางมีความสวยงาม และไม่กล้าที่จะหลับตาลง เนื่องจากความสวยและความขรุขระของเส้นทาง
ผ่านทางถนนการ์ดุงลา (Khadung La Pass) ว่ากันว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก จุดสูงสุดของเส้นทางสามารถเห็นแนวเขา
คาราโครัม ของปากีสถาน ที่มีหิมะปกคลุม การมาที่นูบร้าวัลเลย์จะต้องทำ permit เช่นเดียวกับการเดินทางไปทะเลสาบแปงกอง 
ทัศนียภาพที่แปลกตา และมีความหลากหลาย บางช่วงจะเจอกับทุ่งหญ้าที่มีฝูงสัตว์กำลังหาอาหาร ธารน้ำ และภูเขาทรงประหลาด
และภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะที่ยังไม่ละลาย ตัดกับท้องฟ้าสีสดใส ผ่านวัดสไตล์ทิเบต และเข้าสู่พื้นที่เขตทะเลทราย เพื่อมุ่งสู่นูบร้าวัลเลย์  

 
เส้นทางสู่ Nubra Valley


เส้นทางสู่ Nubra Valley


 
เส้นทางสู่ Nubra Valley


เส้นทางสู่ Nubra Valley


  

เส้นทางสู่ Nubra Valley


เส้นทางสู่ Nubra Valley


  

เส้นทางสู่ Nubra Valley


วัดดิสกิต Diskit Monastery 

เป็นวัดในพุทธศาสนาแบบทิเบตนิกายหมวกเหลือง อยู่ในบริเวณหมู่บ้านดิสกิต ด้านหน้าวัดมีพระพุทธรูปพระศรีอารยะเมตรัย ขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่

 
Diskit Monastery 



Diskit Monastery 


 
เส้นทางสู่ Nubra Valley



เส้นทางสู่ Nubra Valley


นูบร้าวัลเลย์ Nubra Valley

 
Nubra Valley


 
Nubra Valley


 
กิจกรรมขี่อูฐ Nubra Valley


    
Nubra Valley



Nubra Valley


ชาวลาดักห์

ชาวลาดักห์ ลาดักกี(Ladakhi) มีเชื้อชาติที่หลากหลาย ชาวลาดักห์ส่วนใหญ่จึงมีรูปร่างหน้าตาคล้ายชาวทิเบต มีวัฒนธรรม ภาษา
และการแต่งกายแตกต่างจากชาวอินเดียอย่างสิ้นเชิง  "J u l l e y" จูเล่ห์ เป็นคำทักทาย ของชาวลาดักห์ ทั้งสวัสดี ขอบคุณ
และการบอกลา เมื่อเราทักทายไป ก็จะได้รับการทักทายกลับมาว่า J u l l e y พร้อมกับรอยยิ้มเสมอ 


เส้นทาง Khardungla La Pass 

ถนนคาร์ดุงลา (Khardung La Pass) บ้างก็กันว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 5,602 เมตรจากระดับน้ำทะเล 
บ้างก็ว่า ถนนที่สูงที่สุดในโลกคือถนนที่ชื่อว่า ถนนมานา (Mana Pass) ตั้งอยู่ที่ชายแดนอินเดียกับทิเบต
อย่างไรก็ตาม บริเวณนี้เป็นที่สูงอากาศเบาบางมาก ไม่ควรจะอยู่นาน อาจจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื้นไส้ได้เช่นกัน

Khardung La Pass


ขี่มอเตอร์ไบค์ บนเส้นทางดาวอังคาร สู่ดินแดนโลกพระจันทร์

กิจกรรมที่ที่เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อน คือการขี่มอเตอร์ไบค์ ท่องไปยังสถานที่ต่างๆ บนถนนไฮล์เวย์ของลาดักห์
โดยที่นี่จะมีรถมอเตอร์ไบค์ให้เช่า เส้นทางสองข้างทางจะเป็นเส้นทางที่มี วิวทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไป ผ่าน Magnetic Hill,
ผ่านหุบเขาอันแห้งแล้งราวกับดาวอังคาร สลับกับหมู่บ้านเล็กๆ ที่จะได้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมและนิสัยใจคอและความมีน้ำใจของชาวลาดักห์ 
ที่สัมผัสได้ ขี่เลาะเลียบแม่น้ำซันสการ์และแม่น้ำสินธุ จนมาพบจุดที่บรรจบกันของแม่น้ำ ผ่านหมู่บ้านในดงหลิวและทุ่งบาร์เลย์เขียวขจี
ทุ่งหญ้าสีเขียวและสวนผลไม้ โดยเฉพาะแอปเปิ้ล และแอปริคอต เป็นดั่งโอเอซิสท่ามกลางความแห้งแล้ง สองข้างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ
และมีป้าย บอกคำเตือนน่ารักๆ ให้ระมัดระวังในการขับขี่เนื่องจากเส้นทางเป็นหุบเขา Live for your today, drive for your tomorrow,
On the bend go slow friend etc. เขาสู่ Moonland สองข้างทางราวกับดินแดนโลกพระจันทร์ มุ่งสู่วัดลามายูรู วัดที่เก่าแก่ของลาดักห์ 
จากเส้นทางนี้จะเป็นประตูสู่แคชเมียร์ โดยใช้เส้นทาง Zoji la pass ถนนโซจิลา เป็นถนนริมหน้าผาที่มีความแคบและติดอันดับถนนที่อันตรายที่สุดในโลก 

   
Road Trip By Royal Enfield 


Magnetic Hill

หรือ Gravity hills เป็นถนนยาว ด้านหน้าจะเป็นภูเขาใหญ่  หากลองจอดรถตรงจุดที่กำหนดไว้ แล้วดับเครื่องยนต์
จะเห็นเหมือนรถมันไต่ขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆแล้ว เป็นภาพลวงตา เพราะทางถนนเป็นทางลงเขา แต่มุมมองที่มอง
ทำให้เหมือนกับการขึ้นภูเขานั่นเอง


Magnetic Hill 


Sangam Viewpoint

Sangam viewpoint  เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายคือแม่น้ำซันสการ์ (Zanskar Rvers) และแม่น้ำสินธุ (Indus Rivers) มาบรรจบกัน
สีของแม่น้ำทั้งสองสายนั้นจะแตกต่างกันทำให้เห็นจุดบรรจบชัดเจน ช่วงหน้าร้อนสีน้ำจะขุ่นๆ ในช่วงหน้าหนาวสีของน้ำจะเป็นสี
เทอร์ควอยซ์เข้มและสีเขียวตัดกันชัดเจน และอาจมีหิมะปกคลุมในช่วงที่หนาวจัด


Sangam Viewpoint  Confluence of Indus and Zanskar


 
Moterbike Trip 


 

  
Moonland

 


 
Moonland



The way to Lamayru


วัดลามายูรู (Lamayuru Monastery)

เมื่อผ่านเส้นทางหุบเขาที่เรียกกันว่า Moonland ดินแดนโลกพระจันทร์ เพราะพื้นผิวคล้ายกับพระจันทร์  จะพบกับวัดลามายูรู
ตั้งตระหง่านอยู่ วัดลามายูรู เป็นวัดที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่  วัดแห่งนี้ถูกสร้างโดยหินทราย เป็นวัดในนิกายหมวกแดง 
Drigungpa อดีตเคยอยู่ในความดูแลของนิกายกะดัมปะ Kadampa โรงเรียนของพุทธศาสนาแบบทิเบต
ก่อนที่จะถูกนิกาย Drigungpa เข้ายึดครอง


Lamayru Monastery 


 
Lamayru Monastery


จากเส้นทางนี้ไปจะเป็นเส้นทางสู่ศรีนาคา (Srinagar)  ซึ่งจะต้องผ่านเมืองคาร์กิล (Kargil) และเมืองดราส (Dras) สู่เส้นทาง Zoji La Pass 
ติดอันดับถนนที่อันตรายที่สุดในโลก พาสนี้ถือเป็นทางผ่านบนเขาที่แบ่งแยกดินแดนระหว่างแคชเมียร์และลาดักห์อย่างชัดเจน
ซึ่งพาสจะเปิดเฉพาะช่วงหน้าร้อนเท่านั้น พอถึงหน้าหนาวหิมะตกหนัก เส้นทางจะถูกปิดไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้

นอกจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว "ลาดักห์" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก อาทิ Tsomoriri Lake, Hemis Monastery, Alchi Monastery,
Phugtal Monastery, Spituk Monastery และอื่นๆ

หากท่านเป็นคนที่รักการเดินทางแบบผจญภัย และชื่นชอบการถ่ายภาพธรรมชาติ แล้วละก็ "ลาดักห์" เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ท่านไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

--------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทาบีทาบิ ทราเวล จำกัด
รับจัด กรุ๊ปเหมาส่วนตัว ทั้งในและต่างประเทศ
- กรุ๊ปดูงาน ประชุม สัมมนา
- กรุ๊ปส่วนตัว ครอบครัว เพื่อนฝูง ตั้งแต่ 5 ท่าน ขึ้นไป 
- กรุ๊ปส่งเสริมการขาย

☎️ติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
โทรศัพท์ 02-871-5588 
Hotline 095-963-5588, 086-324-4691 
FB : http://www.facebook.com/tabeetabitravel/
IG : https://www.instagram.com/tabeetabi_travel/
Line@ : @tabeetabi